#วว. ร่วมกับ #วช. เสริมสร้างองค์ความรู้/ทักษะงานวิจัยให้ผู้ประกอบการไทย ในงานสัมมนานานาชาติ “#Transforming floriculture for a resilient future” ภายใต้การดำเนินโครงการศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการผลิตไม้ดอกไม้ประดับ

 #วว. ร่วมกับ #วช. เสริมสร้างองค์ความรู้/ทักษะงานวิจัยให้ผู้ประกอบการไทย  ในงานสัมมนานานาชาติ “#Transforming floriculture for a resilient future”  ภายใต้การดำเนินโครงการศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการผลิตไม้ดอกไม้ประดับ

#กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (#อว.) โดย #สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (#วว.) ร่วมกับ #สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (#วช.) จัดงานสัมมนานานาชาติหัวข้อ  Transforming floriculture for a resilient future” ภายใต้การดำเนินโครงการศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการผลิตไม้ดอกไม้ประดับ  (Hub of Talents Flower and Ornamental Plant Production Technology) โดยได้รับเกียรติจาก ดร.วิภารัตน์  ดีอ่อง ผู้อำนวยการ วช. ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน  ผศ.ดร.วีรชัย อาจหาญ ผู้ว่าการ วว. กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมการสัมมนา และผู้ทรงคุณวุฒิจาก วช. ร่วมเป็นเกียรติในงาน โดยมีผู้ประกอบการด้านไม้ดอกไม้ประดับ อาจารย์ พร้อมทั้งนักวิจัยจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เข้าร่วมสัมมนา ในวันที่ 26 สิงหาคม 2568 ณ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ

โดยมีวัตถุประสงค์ในการจัดสัมมนานานาชาติครั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้และทักษะในงานวิจัย สำหรับนักวิจัยและผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง จากนวัตกรรมด้านการปรับปรุงพันธุ์ เทคโนโลยีการผลิต และการตลาดไม้ดอกไม้ประดับจากหน่วยงานภาคีเครือข่ายต่างประเทศ

 

ดร.วิภารัตน์   ดีอ่อง  กล่าวในตอนหนึ่งว่า   วช. เล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาองค์ความรู้ และสนับสนุนงานวิจัยด้านไม้ดอกไม้ประดับมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้จัดสรรงบประมาณเพื่อมุ่งเน้นให้ผลลัพธ์จากการวิจัยสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านวิชาการ เศรษฐกิจ สังคม หรือชุมชน เพื่อใช้เป็นกลไกในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

 

ผศ.ดร.วีรชัย อาจหาญ  กล่าวถึงภารกิจศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการผลิตไม้ดอกไม้ประดับ ซึ่งมี ดร.อนันต์  พิริยะภัทรกิจ  นักวิจัยอาวุโส  ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมเกษตรสร้างสรรค์ วว. เป็นผู้บริหารศูนย์ฯ ว่า  ได้รับการสนับสนุนจาก วช. จากการเล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาองค์ความรู้ให้กับบุคลากร และนักวิจัยในด้านการปรับปรุงและพัฒนาสายพันธุ์พืช โรคพืช วิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว รวมทั้งส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยด้านไม้ดอกไม้ประดับ นอกจากนั้นโครงการฯ ยังมุ่งเน้นในการรวบรวมกลุ่มนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและปลูกเลี้ยงไม้ดอกไม้ประดับทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือและถ่ายทอดองค์ความรู้สู่บุคลากรรุ่นใหม่ ๆ ในด้านการปรับปรุงและพัฒนาสายพันธุ์ ด้านโรคพืช การเก็บเกี่ยวและยืดอายุผลผลิต รวมทั้งการใช้ประโยชน์จากไม้ดอกไม้ประดับ  โดยมีกรอบโครงการวิจัยที่สำคัญ ได้แก่ การวิจัยเพื่อการผลิต การวิจัยเพื่อการส่งออก การวิจัยหลังการเก็บเกี่ยว การวิจัยเทคโนโลยี การวิจัยในท้องถิ่น และการวางแผนการตลาด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและพัฒนาตลาดไม้ดอกไม้ประดับมูลค่าสูงภายในประเทศและต่างประเทศอย่างมีมาตรฐาน รวมถึงการสร้างความเข้มแข็งในการผลิตและการตลาดอย่างยั่งยืนด้วยนวัตกรรม
















งานสัมมนานานาชาติ  “Transforming floriculture for a resilient future” เป็นหนึ่งเวทีสำคัญที่มุ่งถ่ายทอดความรู้จากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญให้กับผู้เข้าร่วมงานได้พัฒนาทักษะ เสริมแกร่งด้านการแข่งขันในอุตสาหกรรมไม้ดอก ในหัวข้อต่าง ๆ ดังนี้

1. Prof. Dr. Duong Tan Nhut (Institute of Life Science, Vietnam Academy of Science and Technology, Vietnam) บรรยายเรื่อง การกำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมการปลูกดอกไม้ผ่านการวิจัย (Shaping the future of floriculture industry through research)

2. Dr. James Keach (University of Hawaii at Manoa, USA) บรรยายเรื่อง  การปรับปรุงพันธุ์และการตลาดกล้วยไม้ : การสังเกตและตัวอย่าง  (Orchid Breeding & Marketing : Observations & Examples)

3. Prof. Dr. Tzong-Ru Lee (National Chung Hsing University, Taiwan) บรรยายเรื่อง การสร้างอุตสาหกรรมดอกไม้ให้มีความยืดหยุ่น : หน้าที่ของระบบการประมูลดอกไม้  (How to build a resilient flower industry : functions of flower auction system)

 4. Mr.Kasan Chavanapanit (G.G.D. Trading (Thailand) Co., Ltd., Thailand) บรรยายเรื่อง กล้วยไม้และความท้าทายของไทยในอุตสาหกรรมดอกไม้โลก (Orchids and the challenge of Thailand in global floriculture industry)

         การสัมมนาในครั้งนี้นับเป็นการร่วมดำเนินงานของทั้งสองหน่วยงานอย่างเป็นรูปธรรม ในการมุ่งขับเคลื่อนประเทศไทย ด้วยวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม อย่างทั่วถึง ให้ประชาชนทุกกลุ่มได้เข้าถึงความรู้และโอกาสจากงานวิจัยอย่างเท่าเทียม